Image
energy 50001

ลดคาร์บอนฟุตพริ้นด้วยการประยุกต์ใช้ ISO 50001

Sep. 8 2021

ด้วยเหตุที่ปัญหา climate change กลายเป็นประเด็นสำคัญในโลกธุรกิจ หลายองค์กรจึงเริ่มมองหาวิธีการลดใช้พลังงานกันอย่างจริงจัง

ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายแต่อย่างใด เพราะหนึ่งในสามของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากการใช้พลังงานนั่นเอง และมลพิษจากการใช้พลังงานก็เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร[1] ดังนั้นการลดใช้พลังงานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรควรดำเนินการเป็นอันดับแรก

องค์กรต่าง ๆ ใช้พลังงานไปกับอะไรบ้าง

โดยทั่วไปองค์กรจะใช้พลังงานใน 2 รูปแบบหลัก คือ พลังงานเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้า โดยสถิติเผยว่าพลังงานเชื้อเพลิงจะถูกใช้มากถึง 82%[2] ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลในรูปแบบของก๊าซและของเหลว

พลังงานไฟฟ้าจะถูกใช้ในส่วนที่เหลือทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นการบริการต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม โดยปกติไฟฟ้าจะถูกใช้ก่อนพนักงานจะเริ่มก้าวเข้าสู่สำนักงานเสียอีก ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า แสงไฟ การควบคุมอุณหภูมิ และระบบกักเก็บข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร ซึ่งการใช้พลังงานดังกล่าวจะแปรเปลี่ยนไปเป็นคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในที่สุด

เมื่อมลพิษทางอากาศพุ่งสูงถึงระดับวิกฤต องค์กรจึงต้องเผชิญกับความกดดันในการลดใช้พลังงานอย่างเร่งด่วน ดังนั้นการเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานยั่งยืน ปิดไฟและคอมพิวเตอร์ในตอนกลางคืน รวมถึงการบำรุงรักษาให้อุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับองค์กรที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

ก้าวไปให้ถึงเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน

คาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์คือสาเหตุหลักของปัญหาโลกร้อน โดย 71% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกมาจากธุรกิจเพียง 100 รายเท่านั้น[3] จึงค่อนข้างชัดเจนว่าอุตสาหกรรมคือหัวหอกสำคัญที่ต้องบรรเทาปัญหา climate change สนธิสัญญาปารีสประกาศว่าจะต้องควบคุมภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5°C และเหล่านักวิทยาศาสาตร์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์คือทางเดียวที่จะรักษาระดับของภาวะสภาพอากาศแปรปรวนไม่ให้แย่ลงไปกว่านี้

หนึ่งในทางออกที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้คือระบบการจัดการพลังงาน เป็นวิธีการจัดการพลังงานเชิงรุกที่ช่วยเผยรายละเอียดการใช้เชื้อเพลิงและไฟฟ้า สนับสนุนให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ลดต้นทุน รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย การเฝ้าระวังการใช้พลังงานอย่างใกล้ชิดช่วยให้องค์กรมีความพร้อมในการรับมือกับสิ่งไม่คาดฝันในอนาคตด้วยการจัดการต้นตอของปัญหาอย่างแน่วแน่

ไม่ว่าองค์กรจะมีเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) หรือความเป็นกลางของคาร์บอน (carbon neutrality) การดำเนินตามข้อกำหนดของระบบการจัดการพลังงานจะช่วยให้ท่านสามารถตรวจตรา บริหารจัดการ ทำนาย และลดการใช้พลังงานได้ ซึ่งนำไปสู่การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย

ISO 50001 เป็นที่รู้จักในฐานะมาตรฐานสากลที่มีกรอบการทำงานและแนวทางปฎิบัติที่ดีที่สุด เหมาะกับองค์กรที่ต้องการพัฒนาระบบการจัดการพลังงาน โดยมาตรฐานดังกล่าวช่วยเพิ่มศักยภาพในการใช้พลังงานและเสริมจุดแข็งให้องค์กรไปพร้อมกัน การรับรอง ISO 50001 ช่วยให้ท่านแสดงให้เห็นว่าองค์กรมีการสร้างแบบแผนการใช้พลังงานที่ชัดเจน มีจุดประสงค์ที่เป็นรูปธรรม และมีขั้นตอนการทำงานไปสู่เป้าหมายได้อย่างแน่นอน
 

เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรด้วยการมุ่งสู่ ISO 50001:2018

มาตรฐาน ISO 50001 ช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานด้วยการสร้างพฤติกรรมอันพึงประสงค์และมองหาโอกาสในการลดใช้พลังงาน องค์กรต้องมั่นใจว่าจะอัปเกรดเวอร์ชั่น ISO 50001 ทันก่อนวันที่ 31 มกราคม 2022 และ บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น ยืนหยัดสนับสนุนท่านอยู่เสมอ เรามีผู้ตรวจประเมินและวิทยากรมากประสบการณ์กว่า 7,400 คนทั่วโลกที่พร้อมเดินเคียงข้างองค์กรบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ

นอกจากบริการตรวจประเมินแล้ว เรายังมีบริการฝึกอบรมที่จะพาท่านมุ่งไปสู่เป้าหมายการลดใช้พลังงานได้ไวยิ่งกว่าเดิม